เลือกอินฟลูยังไงให้ปัง! ฉบับ2023 Home / Articles / เลือกอินฟลูยังไงให้ปัง! ฉบับ2023ในปัจจุบันการแข่งขันระหว่างธุรกิจเริ่มดุเดือด และมีเข้มข้นมากขึ้นทุกปี การนำกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์มาประยุกต์ในปัจจุบันการแข่งขันระหว่างธุรกิจเริ่มดุเดือด และมีเข้มข้นมากขึ้นทุกปี การนำกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์มาประยุกต์ และปรับใช้ให้เข้ากับแบรนด์ถือเป็นสิ่งที่ควรคำนึง และให้ความสำคัญ Influencer Marketing ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจขนาดเล็ก SME หรือ ธุรกิจระดับใหญ่ก็สามารถดึงกลยุทธ์ Influencer Marketing มาปรับใช้เพื่อสร้าง Brand Awareness ให้กับแบรนด์ได้ .ก่อนที่เราจะเจาะลึกเรื่อง Influencer Marketing เรามาเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ และประเภทต่าง ๆ ของ Influencer กันก่อนเลย Influencer Marketing คืออะไร ?Influencer (อินฟลูเอนเซอร์) คือ บุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อโซเชียลมีเดีย มีอิทธิพลกับผู้ติดตามในด้านการตัดสินใจ และความคิด อินฟลูเอนเซอร์สามารถนำเสนอสิ่งต่าง ๆ เพื่อดึงดูดและจูงใจให้ผู้ติดตามคล้อยตาม ในสิ่งที่อินฟลูคนนั้นอยากนำเสนอได้.Influencer Marketing จึงเปรียบสเหมือนการทำการตลาดออนไลน์ โดยให้คนที่มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Instagram, Facebook, Tiktok, และอื่น ๆ มาช่วยโฆษณา เรียกความสนใจให้แบรนด์ของเรา.เพราะฉะนั้นการใช้ Influencer Marketing จึงมีความสำคัญอย่างมากในยุคที่แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยดิจิทัล ทำไมถึงต้องทำ Influencer Marketing ?อย่างที่รู้ว่าตอนนี้ Influencer Marketing เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่นิยม และแพร่หลายอย่างมากในธุรกิจต่าง ๆ แล้วทำไมแบรนด์เหล่านั้นถึงเลือกทำ Influencer Marketing ล่ะ ? มันดีขนาดนั้นเลยหรอ ?. เพื่อไขข้อสงสัยเราไปดูกันเลยดีกว่าการทำ Influencer Marketing มีข้อดี และข้อเสียอะไรบ้าง ข้อดีของ Influencer Marketingเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบเฉียบคมหากเราคัดเลือก Influencer ที่มีไลฟสไตล์ตรงกับแบรนด์ของเราแล้ว การที่เราจะเข้าถึงกลุ่มเป้าได้อย่างแม่นยำ โดยมี Influencer เป็นบุคคลที่ 3 และโซเชียลมีเดียเป็นสื่อกลางก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป เพิ่มความน่าเชื่อถือต่อแบรนด์ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่เราจะเลือกบริการ หรือเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ นั้น เรามักจะดูรีวิวก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อเสมอ หาก Influencer ที่เราติดตามรีวิวสินค้าที่เราเล็งไว้ว่า เพียงไม่กี่วินาที เราก็พร้อมที่จะเสียตังให้กับสินค้านั้น ๆ แล้ว Influencer ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือต่อแบรนด์ และสินค้า อีกทั้งยังสามารถโน้มน้าวผู้ติดตามได้อีกด้วยสร้าง Brand Awareness และเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์หลังจากที่รายการ Too Hot Too Handle ถูกนำมาฉายบน Netflix ยอดผู้ติดตามของ Francesca Farago (หนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน) ได้เพิ่มขึ้น 3 ล้านคนอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงแค่ 3 อาทิตย์เท่านั้น หลังจากนั้น Francesca ได้สร้างแบรนด์ Swimwear ที่ชื่อว่า Farago The Label ขึ้นมา เพียงแค่แท็กแบรนด์ตัวเอง @faragothelabel กับโพสในไอจี แบรนด์ของเธอได้ยอดผู้ติดตามมากถึง 45.5K เลยทีเดียว นั่นคือความมีอิทธิพลของ Influencer ต่อแบรนด์ เพิ่มจำนวนการทำให้คนรู้จักแบรนด์เรามากขึ้นอีกด้วย หากเลือกอินฟลูที่ถูกต้อง ข้อเสียของ Influencer Marketingไหน ๆ ก็พูดถึงข้อดีไปกันแล้ว แต่ เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เรามามองในมุมเชิงลบกันบ้าง.เชื่อว่าใครต่อหลายคนที่ทั้งติดตามหรือไม่ติดตามฟุตบอลก็ตาม คงรู้จัก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักเตะสัญชาติโปรตุเกส ผู้ครองสถิติอันดับ 1 ของการเป็น Influencer (สายสุขภาพและกีฬา) ในไอจีที่สร้างรายได้ต่อโพสต์สูงสุดในปี 2022 ซึ่งถ้าตีออกมาเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาลถึง 89 ล้านบาทกันเลยทีเดียว .ในศึกฟุตบอล Euro 2020 ในขณะแถลงข่าวก่อนเกมแข่งขัน โรนัลโด้ ได้หยิบน้ำอัดลม Coca Cola ออกจากเฟรมกล้อง และ หยิบน้ำเปล่าขึ้นมา ชักชวนให้คนดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำอัดลมจะดีกว่า หลังจากนั้น มูลค่าบริษัทของ Coca Cola ได้ลดหวบไปถึง 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ เคสนี้สะท้อนให้เราเห็นถึงความมีอิทธิพลของ Influencer ชื่อดังต่อตลาดและภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดีรูปที่มาจาก https://bit.ly/3DfPpKXทำความเข้าใจประเภทต่าง ๆ ของ Influencersการเลือก Influencer ที่เหมาะสมนั้น มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะผู้ติดตามของ Influencer ต่าง ๆ มักมี พฤติกรรมและความสนใจที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉนั้นเราจึงต้องทำความใจถึงลำดับของ Influencer กันก่อนNano Influencer (ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000 คน)การเลือก Nano Influencer มักมีข้อดีในเรื่องของราคาที่ไม่ได้สูงมาก มี Niche Market โดยเฉพาะ ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและมีอิธิพลต่อการสร้างแรกจูงใจให้ผู้ติดตามได้ แบรนด์เล็กที่ต้องการทำการตลาดแต่มีงบจำกัดจึงเลือกใช้ Nano Influencer กันเป็นอย่างมากMicro Influencer (ผู้ติดตาม 10,000 – 50,000 คน)Micro Influencer จะมีความเป็นมืออาชีพขึ้นมา เหมาะกับสินค้าหลากหลายแบบ มักจะโดดเด่นในเรื่องของการสร้างคอนเทนต์ ซึ่งการกระจายคอนเทนต์ก็จะไปสู่คนได้อย่างแพร่หลายมากขึ้นMid-Tier Influencer (ผู้ติดตาม 50,000 – 100,000 คน)Influencer ประเภทนี้มักจะตกเป็นที่ต้องการของแบรนด์ต่าง ๆ มากขึ้น เนื่องจากผู้ติดตามที่สูงขึ้น มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น การสร้าง Brand Awareness จงส่งผลได้ดีพอสมควรMacro Influencer (ผู้ติดตาม 100,000 – 1,000,000 คน )ขยับขึ้นมาอีกลำดับนึง กลุ่ม Mid-Tier Influencer จะมีความโดดเด่นในเรื่องของการทำคอนเทนต์ที่ชัดเจน สามารถสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้นจากลำดับก่อนหน้านี้ กลุ่มนี้มักจะถูกเลือกโดยบริษัทกลางไปจนถึงใหญ่ เรทราคาจึงค่อนข้างสูงขึ้นมาMega Influencer (ผู้ติดตามมากกว่า 1,000,0000 คน)มากันที่ประเภทสุดท้าย Influencer ประเภทนี้เปรียบเสมือน Celebrity or Mass Publisher เป็นคนที่มีหน้าตามีชื่อเสียงในวงการบันเทิง มีอิทธิพลต่อผู้ติดตามสูงมาก สามารถสร้าง Brand Awareness ในคนกลุ่มมาก ภายใต้โพสต์ ๆ เดียว Mega influencer มักจะเหมาะกับแบรนด์ที่ไม่ต้องการเจาะจงกลุ่มเป้าหมายมาก อยากเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมาก ๆ เท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นแบรนด์ ก็ต้องมี Budget ที่มากขึ้นด้วย หลักการเลือก Influencer ที่ใช่รู้ Target ที่ชัดเจน‘การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน’ คือ สิ่งแรกเลยที่แบรนด์ควรทำ โดยอาจทำ Persona เพื่อที่จะได้แยกกลุ่มเป้าหมายที่ละเอียด และเห็นภาพมากขึ้น อีกทั้งจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วแบรนด์กำลังต้องการสื่อสารกับคนกลุ่มไหน เพื่อที่จะได้นำข้อมูลตรงนั้นมาวิเคราะห์หาว่าตอนนี้ Influencer คนไหนที่กำลังเป็นที่สนใจในคนกลุ่มนั้น กำหนด Budget ถ้าคุณต้องการให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมาก การร่วมงานกับ Influencer ที่มียอดฟอลเยอะ ๆ เกิน 1 ล้าน (Mega Influencer) ขึ้นนั้นก็เป็นตัวเลือกเรื่องที่ดี แต่คุณก็ต้องมี Budget ที่สูงเช่นกัน ถ้างบประมาณคุณไม่ถึงก็อาจลองลดระดับของ Influencer ลงมาเป็นระดับ Macro หรือ Mid-tier เพื่อให้ตอบโจทย์กับ Budget ของคุณ แล้วค่อยเสริมกลยุทธ์ทางการตลาดหรือการทำ Content เพื่อเพิ่มยอด Engagement ก็ได้.จะเห็นได้ว่าการที่แบรนด์ตั้ง Budget หรืองบประมาณที่เหมาะสมและชัดเจนนั้น ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ agency หรือฝ่ายการตลาด รู้ขอบเขตว่าควรหา Influencer แบบไหน ต้องวางแผนกลยุทธ์ยังไงที่จะทำให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จมากที่สุดตั้ง Objective ให้แน่ชัดวาง Objective ในแต่ละแคมเปญให้ชัดเจน ว่าคุณต้องการทำแคมเปญนี้ วัตถุประสงค์คืออะไร วัดผลได้หรือไม่ เพื่อให้มองเห็นภาพรวมและเกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด อีกทั้งยังช่วยให้คุณหา Influencer ที่จะมาทำแคปเปญกับแบรนด์ของคุณได้อย่างเหมาะสม ตรงกับวัตถุประสงค์.อย่างเช่น ถ้า Objective ของคุณคือการสร้าง Brand Awareness แน่นอนว่า Influencer ที่คุณควรเลือกก็ต้องเป็นระดับ Mid-Tier (มีผู้ติดตาม 50,000-500,000 คน) ขึ้นไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ Budget ที่คุณมีดูยอด Engagement ของ Influencer ที่เราเลือกการที่เราได้ Influencer ที่มียอดฟอลโล่วเยอะ ๆ นั้นเข้ามาเป็นส่วนนึงของแคมเปญนั้นก็ย่อมเป็นเรื่องดี แต่อย่าลืมเราว่าต้องคำนึงถึงคุณภาพของผู้ติดตามด้วย แบรนด์ต้องไม่ลืมที่จะเช็คยอด Engagement หรือการที่ follower มีส่วนร่วมกับ Content ของ Influencer คนนั้น ๆ.ซึ่งอาจดูจากการกดไลค์ กดแชร์ คอมเมนต์ หรือยอดวิว เป็นต้น เพื่อที่เราจะได้เลือก Influencer ที่มีผู้ติดตามที่มีคุณภาพ มีส่วนร่วมและเห็น Content อย่างสม่ำเสมอภาพลักษณ์ของ Influencer เข้ากับแบรนด์หรือเปล่า ?การจะเลือก Influencer จากความดังอย่างเดียวนั้น ก็คงเป็นไปไม่ได้ แบรนด์ต้องทำการบ้านด้วยว่า Influencer ที่เราจะเลือกนั้น มีภาพลักษณ์ตรงแบรนด์ไหม? ไปกันได้กับสินค้าหรือบริการของเรารึเปล่า? .ลองคิดดูสิถ้าแบรนด์ของคุณต้องการจะขายน้ำอัดลมสุดซ่าให้กับกลุ่มวัยรุ่น การเลือก Influencer อายุ 50 ปี แถมยังรักสุขภาพ ก็คงเป็นตัวเลือกที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ใช่ไหมล่ะ?.เพราะฉะนั้นแล้วภาพลักษณ์ของ Influencer จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญมาก ๆ ถ้าแบรนด์คำนึงถึงแค่ยอดฟอลหรือความดังอย่างเดียว มันอาจเป็นดาบสองคมที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหายได้ศึกษา Content ของ Influencerนอกจากเราต้องทำการบ้านเกี่ยวกับเรื่องภาพลักษณ์ของ Influencer แล้ว การศึกษาลักษณะ และรูปแบบของการทำ Content ของ Influencer คนนั้น ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม เพราะ Content นั้นควรมีคุณภาพ มีความสร้างสรรค์ สดใหม่ และสามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ตรงประเด็น โดยที่ยังคงความเป็นตัวตน และเอกลักษณ์ของ Influencer อยู่สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด การมีปฏิสัมพันธ์ต่อ Influencer ที่ดี รู้ว่าทัศนคติของ Influencer ที่เราร่วงานด้วยเป็นอย่างไร ตรงกับทางแบรนด์เราไหม หากตรงเรามักจะสามารถทำงานร่วมกับ Influencer ได้อย่างราบรื่น เปรียบสเหมือนการทำงานกับพาร์ทเนอร์ที่สามารถมาร่วมงานได้อีกในอนาคต .การตรวจสอบ Digital Footprint หรือ ประวัติของ Influencer เป็นสิ่งที่ควรทำก่อนเลือก Influencer มาก่อนเสมอ เราควรเช็กว่าเขาเคยมีดราม่าอะไรไหม เพราะฉนั้นเราควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้จะดีกว่า...หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้หลาย ๆ คนเข้าใจ Influencer Marketing มากขึ้น อีกทั้งยังแนวทางให้แบรนด์ที่กำลังตามหา Influencer ที่ใช่หากใครที่กำลังตามหา Agency ที่ให้คำแนะนำด้านการตลาด และ Influencer Marketing ก็สามารถทักมาขอคำปรึกษากับ Foretoday ได้ฟรี ทุกช่องทางLine@: bit.ly/ForeTodayFB Chat: http://m.me/foretoday“A better tomorrow starts today”#InfluencerMarketing #Influencer #ForeTodayReferences https://nerdoptimize.com/influencer-marketing/ https://thewisdom.co/content/what-is-influencer-marketing/ https://tips.thaiware.com/1864.html https://futuretrend.co/digital-marketing-influencer/ https://www.thumbsup.in.th/how-to-select-influencer-2 https://www.brandbassador.com/en-gb/resources/influencer-marketing-a-guide-for-fast-growing-brands Previous Next
Marketing Tipsรู้แล้วได้เปรียบ! รวมสถิติ Social Media Platform 2023 ที่ส่งผลต่อการตลาด Thanjira|27 ก.ย. 2023